ทำบุญง่ายๆ ไม่เสียเงิน แต่ได้บุญแน่นอน
ไม่มีเงินทำบุญ ไม่มีเวลาไปทำบุญ บทความนี้มีคำตอบค่ะ
ไม่มีเงินทำบุญ ไม่มีเวลาไปทำบุญ บทความนี้มีคำตอบค่ะ
ที่ได้บอกไปตามหัวข้อวันนี้จะเสนอการทำบุญที่ง่าย
แต่อาจไม่ง่ายสำหรับบางคน เพราะเกี่ยวกับ จิต ใจโดยตรง
และไม่เสิยเงินสะบาทเดียว นั้นคือการ
"อนุโมทนาบุญ"
ทำได้พูดได้ทั้งสองอย่าง เพราะสุดท้ายแล้วอยู่ที่ จิต ใจ เราเองทั้งสิ้น
โดยมารู้จักการอนุโมทนาบุญกันค่ะ
ในพระอรรถกถา เล่ม 75 หน้า 427 ได้กล่าวถึงการกระทำที่เป็นบุญพื้นฐาน มีอยู่ 10 อย่าง
จึงเรียกรวมกันว่า บุญกิริยาวัตถุ 10 ซึ่งหนึ่งใน 10 ข้อนี้ชื่อว่า "ปัตตานุโมทนามัย"
ซึ่งหมายถึง การโมทนาบุญหรือการยินดีในความดีของผู้อื่น
จึงเรียกรวมกันว่า บุญกิริยาวัตถุ 10 ซึ่งหนึ่งใน 10 ข้อนี้ชื่อว่า "ปัตตานุโมทนามัย"
ซึ่งหมายถึง การโมทนาบุญหรือการยินดีในความดีของผู้อื่น
คือเวลาที่เราเห็นผู้อื่นทำความดีหรือทำบุญ หรือได้ดีมีความสุข เราก็ยินดีไปกับเขาด้วย
การที่ใจมีความรู้สึกยินดีต่อความดีของผู้อื่นแบบนี้ตัวเราเองก็จะได้บุญด้วย
การที่ใจมีความรู้สึกยินดีต่อความดีของผู้อื่นแบบนี้ตัวเราเองก็จะได้บุญด้วย
บุญแบบนี้จะเกิดจาก"เจตนา"ของจิตใจที่ตั้งอยู่บนฐานของความ"ยินดี"
จิตเป็น"กุศล"เกิดขึ้นเราก็จะได้บุญ ทำไมจิตที่เป็นกุศลเกิดขึ้น เราจึงได้บุญ
จิตเป็น"กุศล"เกิดขึ้นเราก็จะได้บุญ ทำไมจิตที่เป็นกุศลเกิดขึ้น เราจึงได้บุญ
อ้างจากพระไตรปิฎกเล่มที่ 22 ข้อ 334 ที่กล่าวว่า
“ดูกรภิกษุทั้งหลายเรากล่าวเจตนาว่าเป็นกรรม
“ดูกรภิกษุทั้งหลายเรากล่าวเจตนาว่าเป็นกรรม
บุคคลคิดแล้วจึงกระทำกรรมด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ ”
คำว่าเจตนาสามารถแปลได้ง่ายๆก็คือ ความตั้งใจ ว่าใจเรากายเราจิตเราตั้งใจหรือไม่
แต่จะรวมทั้งการกระทำทางกาย วาจา ใจ หากกระทำทางใดทางหนึ่งหรือทั้ง 3 ทาง
ก็จะถือว่าเป็นกรรมดีไม่ขึ้นอยู่กับเจตนา
แต่จะรวมทั้งการกระทำทางกาย วาจา ใจ หากกระทำทางใดทางหนึ่งหรือทั้ง 3 ทาง
ก็จะถือว่าเป็นกรรมดีไม่ขึ้นอยู่กับเจตนา
การที่มีจิตที่เป็นกุศลเกิดขึ้น เราไก็ด้บุญ เพราะเป็นการกระทำที่มี "เจตนาทางใจ"
จึงถือว่าเป็นกรรม เมื่อเป็นกรรม"ดี" เราก็เลยได้"บุญ"
จึงถือว่าเป็นกรรม เมื่อเป็นกรรม"ดี" เราก็เลยได้"บุญ"
เพราะการที่เราเห็นดีเห็นชอบในการกระทำดีของผู้อื่นเราต้องได้ กรรมดีแน่
แต่ถัาเราเห็นดีเห็นชอบในการทำบาปของผู้อื่นเราต้องได้ กรรมไม่ดีแน่
อยากให้เราระวังจิตเราละเอียดอ่อนค่ะ ต้องหัดต้องฝึกแต่วันนี้วินาทีนี้
ยินดีกับสิ่งที่ดี อนุโมนากรรมดีผู้อื่นให้เป็นนิจ
บุญจาการอนุโมทนานั้นเราจะได้แน่ขึ้นอยู่ที่จิตบางครั้งไม่จำเป็นต้องพูด
แค่จิตเห็นยินดีอิ่มเอมใจก็ได้บุญแล้ว
เมื่อเทียบกับพูดไปใจไม่ยินดีนี้ไม่ได้อะไรเลยค่ะ แต่ถ้าทั้งพูดไหว้และจิตยินดี
อนุโมทนาบุญเต็มที่ บุญเกิดแน่นอนค่ะ ถามว่าถ้าเขาไม่บอกไม่เต็มใจให้เรา
แต่ใจเรายินดีด้วย เราก็ยังได้บุญค่ะ
การอนุโมทนาเป็นการทำบุญง่ายมาก เพราะไม่เสียเงินใดๆ แค่จิตคิดยินดี
ไม่ต้องเสียเงิน เสียเวลามาก แค่เราพบคนทำดีระหว่างการใช้ชีวิตประจำวันเราก็ได้บุญ
แค่เราคิดยินดีอนุโมทนาในการกระทำเขา แค่นั้นก็ได้บุญแล้วค่ะ
แถมได้เยอะกว่าแค่เราทำทานด้วยตัวเองครั้งเดียว เพราะอะไร
สมมุติเราไปตักบาตรเราตักเสร็จเราได้บุญ 100
และเราเห็นคนอื่นตักบตารอีก 20 คน เราอนุโมทนาบุญทุกคนที่ตักบาตรทั้งหมด 20 คน
สมมุติเราได้ 90 ใน1 คนเอา 90 คูณ 20 เราได้บุญ 1800 นะค่ะ
รวมกับที่เราทำเองเป็น 1900 ไม่น้อยเลย
อนุโมทนาบุญดีค่ะ ดีมากสำคัญที่เราต้องฝึกทำให้เป็นนิจ
แต่ไม่ใช่ว่าเราไม่ทำเองเลยเห็นว่าน้อยกว่า ไม่ใช่นะ
คิดแบบนี้ผิดเลย เราจะอนุโมทนาอย่างเดียวไม่ได้
จะเกาะแต่บุญคนอื่นตลอดไปอย่างเดียวไม่ดีแน่
จะเกาะแต่บุญคนอื่นตลอดไปอย่างเดียวไม่ดีแน่
ต้องทำดีด้วยตัวเองด้วยให้ผู้อื่นได้อนุโมทนาบุญเราด้วย
และเราก็อนุโมทนาบุญคนอื่นด้วย ถึงจะดีครบ
และเราก็อนุโมทนาบุญคนอื่นด้วย ถึงจะดีครบ
ขอบคุณพร้อมอนุโมทนาคำสอนต่างๆ
ที่ได้เรียนรู้มาจากครูบาอาจารย์ทุกท่านด้วยค่ะ
ที่ได้เรียนรู้มาจากครูบาอาจารย์ทุกท่านด้วยค่ะ
สาธุ สาธุ สาธุ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น